| | เข้าสู่ระบบ
จากผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่า งานการศึกษาวิจัยลำดับที่ 1 ของ ศมส. คือ “นิทรรศการข้อมูลทางมานุษยวิทยาของไทยเรื่อง ‘ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต’" จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อปี 2534 และผลงานล่าสุดจะเป็นงานการศึกษาวิจัยต่างๆ ที่เริ่มผลิต หรือให้ทุนในปี 2561 (ปีที่เริ่มดำเนินงานฐานข้อมูลงานการศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร) อย่างไรก็ดี เมื่อสำรวจในเชิงลึกของข้อมูลแต่ละรายการกลับพบว่า ได้ปรากฎรายชื่อของโครงการ/ให้ทุน/งานวิจัย/หนังสือที่ซ้ำซ้อนกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งงานศึกษาวิจัยบางชิ้นที่เป็นการให้ทุนวิจัยบุคคภายนอก เพื่อดำเนินงานวิชาการให้นั้น คณะทำงานไม่สามารถตามหาหนังสือสัญญาการให้ทุน หรือหนังสือจัดจ้างเพื่อดำเนินงานทางวิชาการได้ จึงทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานการศึกษาดังกล่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ ศมส. แต่เพียงผู้เดียว หรือมีเงื่อนไขใดๆ ในการเผยแพร่หรือไม่ นอกจากนี้ แม้จะปรากฏรายชื่อผลงานการศึกษาในทะเบียนข้อมูล แต่เมื่อคณะทำงานตามหารูปเล่มและไฟล์ดิจิทัลของงานการศึกษาดังกล่าวจากผู้ที่เกี่ยวข้อง กลับพบการสูญหายไปเป็นจำนวนมาก โดยค้นพบเอกสารที่เป็นรูปเล่ม แต่ไม่ปรากฎไฟล์ดิจิทัล และผลงานการศึกษาที่มีเพียงแต่รายชื่อ แต่ไม่สามารถตามหาไฟล์ดิจิทัลและเอกสารที่เป็นรูปเล่มได้
ฐานข้อมูลงานศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เลือกที่จะแปลงสภาพเอกสารให้อยู่ในรูปแบบไฟล์ PDF ที่ความละเอียด 600 dpi เพื่อจัดเก็บเป็นไฟล์ดิจิทัลต้นฉบับ และจะให้บริการดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มที่มีการปรับค่าความละเอียดแล้วอย่างเหมาะสมสำหรับการเผยแพร่ออนไลน์ โดยจะมีการติดลายน้ำ (water mark) ไว้ในไฟล์เอกสารทุกฉบับที่มีให้บริการดาวน์โหลด เพื่อคงไว้ซึ่งสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของผลงานของ ศมส.
3.1 งานโครงสร้าง (data structure) และกำหนดรูปแบบการให้รายละเอียด (data content)
ฐานข้อมูลงานศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรเลือกใช้ Dublin Core Metadata เป็นมาตรฐานหลักในการจัดทำโครงสร้าง และกำหนดรูปแบบการให้รายละเอียดข้อมูล อย่างไรก็ดี เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในเชิงบริหารจัดการผลงานวิจัยขององค์กร และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ต้องการความเข้มข้นของข้อมูลมากกว่าการให้รายละเอียดข้อมูลทั่วไป คณะทำงานจึงได้เพิ่มส่วนขยายองค์ประกอบข้อมูล (SAC qualifier) เพิ่มเติมจากองค์ประกอบข้อมูลหลัก (Core metadata) ของ Dublin Core Metadata เพื่อให้รายละเอียดข้อมูลต่างๆ ในเชิงลึกได้เจาะจงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น “รหัส LC”
3.2 งานพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล
นอกเหนือไปจากมาตรฐาน Dublin Core Metadata แล้ว คณะทำงานยังมีแผนที่จะทดลองนำเอาระบบมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูล OAI-PMH (Open Archives Initiative Protocol for Metadata Harvesting) มาใช้กับฐานข้อมูลงานการศึกษาวิจัยของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรด้วย ระบบดังกล่าวได้เปิดช่องทางให้คลังข้อมูลสถาบันอื่นๆ หรือนักพัฒนาซอฟแวร์ที่สนใจ สามารถเข้าถึงและเก็บเกี่ยวเมทาดาทาจากฐานข้อมูลนี้ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาต่อยอดสร้างองค์ความรู้ให้กับแวดวงวิชาการและสาธารณชนได้อย่างเสรี ภายใต้นโยบายการอนุญาตให้ใช้ข้อมูลและการนำข้อมูลไปใช้ใหม่ ในเบื้องต้น คณะทำงานได้กำหนดองค์ประกอบข้อมูลที่จะทำการแบ่งปัน ดังนี้
|
|
|
|
||
|
||
|
||
3.3 งานพัฒนาระบบฐานข้อมูล
ฐานข้อมูลงานศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ใช้ภาษา PHP ในการเขียนโปรแกรม และใช้ MAMP เป็นโปรแกรมจำลอง Web Server เพื่อทดสอบการเขียนรหัสคำสั่ง โดยใช้โปรแกรม MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล ซึ่งใช้โปรแกรม phpMyAdmin เป็นส่วนต่อประสานในการใช้งานโปแกรม MySQL
3.4 งานออกแบบเว็บไซต์
หน้าเว็บไซต์ของฐานข้อมูลงานศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ถูกออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด Minimalist Website Designs ซึ่งเน้นความเรียบง่าย (Simplicity) และดูสบายตา โดยในส่วนของการใช้สีและการจัดวางองค์ประกอบนั้น เน้นการนำเสนอเนื้อหาให้ตรงจุด และมีความเชื่อมโยงกันของข้อมูลภายในเว็บไซต์อย่างเป็นแบบแผน โดยพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างความสับสนให้ผู้ใช้งานจากลูกเล่นต่างๆ ที่มากจนเกินไป ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลงานศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรได้จากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
3.5 ออกแบบสัญลักษณ์ (Logo)
การออกแบบสัญลักษณ์ของฐานข้อมูลงานศึกษาวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการตีความว่า งานศึกษาค้นคว้าในอดีตได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือ และความรู้เหล่านี้ได้ส่งผ่านมาถึงยุคปัจจุบันโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วยเหตุนี้ สัญลักษณ์ของฐานนี้จึงแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรก คือ มนุษย์ในฐานะที่เป็นเจ้าขององค์ความรู้และผู้จดบันทึก ส่วนที่สอง คือ หนังสือที่มีลายเส้นในการจดบันทึกเป็นแผงวงจรดิจิทัล
ชุดเมทาดาทาฐานข้อมูลงานการศึกษาศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ประกอบไปด้วย 16 แกนข้อมูลหลัก และ 57 องค์ประกอบข้อมูลย่อย องค์ประกอบข้อมูลเหล่านี้ได้รับการออกแบบขึ้นโดยตระหนักถึงความสำคัญในการให้รายละเอียดเนื้อหา บริบท และโครงสร้างของงานการศึกษาวิจัยของ ศมส. อย่างครอบคลุม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ และตัดสินใจเลือกใช้ข้อมูลแต่ละรายการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ชุดเมทาดาทาฐานข้อมูลงานการศึกษาศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร สามารถแบ่งหน้าที่การใช้งานออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ซึ่งประกอบไปด้วยแกนข้อมูลหลัก 16 แกนที่มีขอบเขตและส่วนขยาย ดังนี้
กลุ่ม | แกนหลัก | ขอบเขตและส่วนขยาย |
---|---|---|
เนื้อหา | TITLE | เพื่อระบุ “ชื่อเรื่อง” ผลงานศึกษาวิจัยที่กำหนดโดยนักวิจัย หรือสำนักพิมพ์ ประกอบไปด้วย ชื่อเรื่องหลัก (Title), ชื่อรอง (Alternative Title) |
DESCRIPTION | เพื่อระบุ “ลักษณะ/รายละเอียด” ของผลงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย คำอธิบาย/บทคัดย่อ (Abstract), สารบัญ (Table of Contents), ประวัติการสร้างและการเก็บรักษา (Provenance), สถาบัน/หน่วยงาน (Statement of Responsibility), งบประมาณ (Budget) | |
SUBJECT | เพื่อระบุ “หัวเรื่อง/คำสำคัญ” ของผลงานศึกษาวิจัย ซึ่งใช้เป็นช่องทางในการค้นคืนข้อมูล ประกอบไปด้วย หัวเรื่องหลัก (SAC Thesaurus), หัวเรื่องอิสระ (Free Term Subject) | |
SOURCE | เพื่อระบุ “แหล่งที่มา” ของงานศึกษาวิจัย และรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับต้นฉบับ ประกอบไปด้วย ไฟล์ต้นฉบับ (Digital File), ISBN, DOI, วันที่เข้าถึง (Day Accessed), เดือนที่เข้าถึง (Month Accessed), ปีที่เข้าถึง (Year Accessed), URL | |
RELATION | เพื่อระบุ “เรื่องที่เกี่ยวข้อง” และความสัมพันธ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลงานศึกษาวิจัย | |
COVERAGE | เพื่อระบุ “ขอบเขต/สถานที่และเวลา” ที่ปรากฎ หรือเกี่ยวข้องกับผลงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย สถานที่ (Spatial), ละติจูด (Latitude), ลองจิจูด (Longitude), Google map, เวลา (Temporal) | |
รูปแบบที่ปรากฎให้ใช้งาน | IDENTIFIER | เพื่อระบุ “รหัส” ที่ใช้เรียกแทน และค้นคืนผลงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย รหัส LC (LC Call No.), รหัส (Identifier) |
TYPE | เพื่อระบุ “ประเภท” ของผลงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย หนังสือ (book), วารสาร (journal), บทความ (article), วิทยานิพนธ์ (dissertation), รายงานวิจัย (research), รายงาน (report), อื่นๆ (other) | |
PUBLISHER | เพื่อระบุข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “การจัดพิมพ์” หรือเผยแพร่ผลงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย สถานที่พิมพ์ (Publication Place), สำนักพิมพ์ (Publisher), ปีที่พิมพ์ (Publication Year), เดือนที่พิมพ์ (Publication Month), ครั้งที่พิมพ์ (Edition Statement), ปี (Volume), ฉบับ (Issue), หน้า (Page) | |
FORMAT | เพื่อระบุ “รูปแบบ” ที่ปรากฎของผลงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย จำนวนหน้า (Total Pages), สื่อ (Medium), ความยาว (Extent) | |
LANGUAGE | เพื่อระบุ “ภาษา” ที่ใช้ในการอธิบาย และปรากฏในงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย รูปแบบภาษา (Language), ภาษาต้นฉบับ (Original Language) | |
DATE | เพื่อระบุ “วันที่” ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและการเปลี่ยนแปลงข้อมูล รวมถึงคำอธิบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย วันที่สร้างชุดคำอธิบาย (Description Created Date), วันที่ส่งเข้าระบบ(Submitted Date), วันที่เผยแพร่ (Issued Date), วันที่ปรับปรุงข้อมูล (Updated Date), รายละเอียดการแก้ไข (Maintenance Notes) | |
ทรัพย์สินทางปัญญา | CREATOR | เพื่อระบุ “นักวิจัย” ที่สร้างสรรค์ทรัพยากร ประกอบไปด้วย ชื่อนักวิจัย (First Name of Creator), ชื่อกลางนักวิจัย (Middle Name of Creator), นามสกุลนักวิจัย (Last Name of Creator)* |
CONTRIBUTOR | เพื่อระบุ “ผู้มีส่วนร่วม” ในการสร้างสรรค์ผลงานศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย ชื่อผู้มีส่วนร่วม (First Name of Contributor), ชื่อกลางผู้มีส่วนร่วม (Middle Name of Contributor), นามสกุลผู้มีส่วนร่วม (Last Name of Contributor),บทบาทของผู้มีส่วนร่วม (Role of Contributor) | |
RIGHTS | เพื่อระบุ “สิทธิ์” ในผลงานศึกษาวิจัย และข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต่อการนำไปใช้งาน ประกอบไปด้วย สิทธิ์ (Rights), รูปแบบลิขสิทธิ์ (Type of License), หนังสือสัญญาเลขที่ (Consent Form No.), ไฟล์หนังสือสัญญา (Digital File of Consent Form) | |
ADMINISTRATOR | เพื่อระบุรายนามและหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการ “บริหารจัดการ” ผลงานการศึกษาวิจัย ประกอบไปด้วย ผู้จัดทำ (Cataloger Name), ผู้ตรวจทาน (Digital Editor), ผู้ดูแลและนำเข้าข้อมูล (Database Administrator) | |
* ตามมาตรฐานการให้รายละเอียดข้อมูลของ DCMI ในองค์ประกอบ CREATOR นั้น ได้กำหนดไว้ว่า หากเป็นภาษาไทยให้ระบุ ชื่อ-ชื่อกลาง-นามสกุล เช่น ปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล และหากเป็นภาษาอังกฤษให้ระบุ นามสกุล-ชื่อ-ชื่อกลาง เช่น Fairbank, John K. อย่างไรก็ดี เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับผู้ดูแลและนำเข้าข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ปฏิบัติงานจากฝ่ายวิชาการ และไม่มีความชำนาญมากนักในการให้รายละเอียดข้อมูลตามข้อบังคับของ DCMI คณะทำงานจึงจำเป็นต้องออกแบบองค์ประกอบข้อมูล CREATOR ให้มีส่วนขยายออกเป็น ชื่อ-ชื่อกลาง-นามสกุล เพื่อความสะดวกในการกรอกรายละเอียดข้อมูล อีกทั้ง การแตกองค์ประกอบข้อมูลดังกล่าว ยังจำเป็นต้องต่อการออกแบบระบบอ้างอิงอัตโนมัติ ซึ่งจำเป็นต้องมีการจัดเรียง ชื่อ-ชื่อกลาง-นามสกุล ทั้งในรูปแบบภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ ตามเงื่อนไขระบบอ้างอิง APA, MLA, HARVARD |
ศมส. สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการอ้างอิงผลงานทางวิชาการอย่างถูกต้องและเหมาะสม ด้วยเหตุนี้ คณะทำงานจึงได้พัฒนาระบบการอ้างอิงอัตโนมัติขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือก และคัดลอกรูปแบบการอ้างอิงในระบบ APA, MLA และ HARVARD เพื่อนำไปใช้ประกอบการอ้างอิงในผลงานของท่าน อย่างไรก็ดี ข้อมูลอ้างอิงบางรายการอาจมีความไม่สมบูรณ์ โปรดตรวจสอบอีกครั้งก่อนนำไปใช้งาน